สำนักสงฆ์เขาพระครู ศรีราชา

เนื่องด้วยสมัยก่อนนั้น ท่านพระครูธรรมธรเที่ยง ซึ่งท่านเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดศรีมหาราชาในสมัยนั้น ท่านเป็นพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ชอบธุดงค์หาสถานที่วิเวก ท่านจึงได้มาธุดงค์ปักกลดอยู่บนภูเขาลูกนี้ เพราะไม่ไกลจากวัดศรีมหาราชา

และต่อมาในปีพ.ศ. ๒๔๗๙ หม่อมราชวงศ์ สดับ ลดาวัลย์ เจ้าจอมในรัชกาลที่ ๕ เสด็จมาเยี่ยมสมเด็จพระพันวิสาอัยยิกาเจ้า ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ท่านได้ทราบว่าลูกศิษย์ของท่านสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์คือพระครูธรรมธรเที่ยง ธุดงค์อยู่บนภูเขาลูกนี้ หม่อมราชวงศ์ สดับ ลดาวัลย์ จึงได้เสด็จขึ้นมาบนเขาเพื่อมากราบพระครูธรรมธรเที่ยงซึ่งต้องเดินขึ้นบันไดมาประมาณ ๒๐๐ ขั้น และเห็นท่านพระครูธรรมธรเที่ยงปักกลดอยู่ใต้ร่มไม้ หม่อมราชวงศ์ สดับ ลดาวัลย์ จึงเกิดศรัทธาเลื่อมใส และได้ถวายปัจจัย เป็นเงิน ๑๕ ชั่ง ซึ่งปัจจุบันเป็นเงิน ๑,๕๐๐ บาท เพื่อสร้างเสนาสนะกุฏิเพื่อจำพรรษา ซึ่งกุฏิหลังนี้เป็นกุฏิหลังแรกของภูเขาลูกนี้

จากนั้นท่านพระครูธรรมธรเที่ยงเห็นว่ามีเสนาสนะที่ถาวรแล้วท่านจึงสร้างขึ้นเป็นสำนักสงฆ์ ซึ่งชาวบ้านในละแวกนี้ก็ศรัทธาท่านพระครูธรรมธรเที่ยงเป็นจำนวนมาก ชาวบ้านจึงเรียกชื่อสำนักสงฆ์นี้ว่า สำนักสงฆ์เขาพระครู ซึ่งเขาพระครูนั้นหมายถึงพระครูธรรมธรเที่ยง


หลังจากนั้นท่านพระครูธรรมธรเที่ยงก็ได้มรณภาพ ต่อมาท่านพระครูปริยัติวราทร(หลวงพ่อผิว) ก็ได้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดศรีมหาราชาองค์ต่อมา ท่านก็ได้พัฒนาสำนักสงฆ์เขาพระครูโดยได้ก่อสร้างศาลาธรรมสงเคราะห์กิจ สร้างกุฏิเพิ่มขึ้น สร้างกำแพงรูปเรือหันหน้าลงทะเลขึ้นและได้ทำทางถนนรถยนต์ขึ้นมาบนสำนักสงฆ์นี้ด้วยแต่เมื่อก่อนนี้ไม่ค่อยจะมีรถขับเคลื่อน 4 ล้อและไม่มีเครื่องจักรกลที่ทันสมัย จึงทำให้รถยนต์ไม่สามารถขึ้นได้ ถนนดังกล่าวจึงมีต้นไม้ขึ้นปกคลุม ซึ่งก็มีพระภิกษุจำพรรษาเรื่อยมาแต่ส่วนใหญ่จะเป็นพระธุดงค์จากที่อื่นๆ จะไม่ค่อนจะมีพระพื้นที่ศรีราชามาอยู่ เพราะต้องเดินขึ้นลงบันไดกว่า ๒๐๐ ขั้นทุกวัน น้ำสำหรับใช้ก็ต้องรองน้ำฝนในฤดูฝน เพื่อเก็บไว้ใช้ในฤดูหนาวและฤดูร้อน ทำให้ได้รับความยากลำบากเป็นอย่างมาก ซึ่งพระอาจารย์อนนท์ สุนนฺโท ประธานสำนักสงฆ์องค์ปัจจุบัน ได้เคยธุดงค์มาพำนักอยู่ที่เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๗ เห็นว่าสถานที่เห็งนี้มีความสัปปายะเหมาะกับการปฏิบัติธรรมเป็นอย่างยิ่ง ท่านก็เลยธุดงค์ไปๆมาๆอยู่เป็นประจำ

จากนั้นปีพ.ศ.๒๕๓๘ พระครูปริยัติวราทร(หลวงพ่อผิว)ก็ได้มรณภาพบนสำนักสงฆ์เขาพระครูนี้ก็จะไม่มีพระดูแล สิ่งปลูกสร้างต่างๆ ก็ชำรุดทรุดโทรม ซึ่งพระครูปริยัติวราทร(ธีระชัย) เจ้าอาวาสวัดศรีมหาราชาองค์ปัจจุบันท่านก็ไม่มีเวลาที่จะมาดูแล ท่านก็เห็นว่าพระอาจารย์อนนท์ สุนนฺโท เป็นคนพื้นที่ศรีราชามีญาติโยมที่ศรัทธาเลื่อมใสอยู่พอสมควร และพระอาจารย์อนนท์ สุนนฺโท ก็เห็นว่าสถานที่แห่งนี้เหมาะที่จะให้บุคคลทั่วไปได้เข้ามาปฏิบัติธรรมซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมหาศาล และมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามเห็นทั่วเมืองศรีราชาและเกาะสีชัง ท่านจึงได้ริเริ่มขึ้นมาบูรณะปฏิสังขร และได้เล็งเห็นว่าถ้ามีทางถนนรถยนต์ขึ้นมาได้ การบูรณะซ่อมแซมรวมการปลูกสร้างถาวรวัตถุต่างก็จะง่ายขึ้น จากนั้นท่านก็ได้นำเครื่องจักรกลต่างๆ เช่น รถตัก รถเกรด รถบด เป็นต้น มาทำถนนจนรถทุกชนิดสามารถขึ้นมาได้


ต่อมาพระอาจารย์อนนท์ สุนนฺโท ได้มีความประสงค์ที่เปิดเป็นศูนย์ปฏิบัติธรรมเพื่อให้บุคคลทั่วไป ทั่งชาวศรีราชาและพื้นที่ใกล้เคียงได้เข้ามาปฏิบัติธรรม จึงได้ริเริมสร้างศาลาขนาดกว้าง ๑๒ เมตร ยาว ๒๔ เมตร ซึ่งได้จัดพิธีวางศิลาฤกษ์ในวันอาทิตย์ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ โดยนายอำเภอศรีราชา นายฐานิศร์ น้อยเพ็ง เป็นประธานในพิธีและได้จัดพิธีเททองหล่อพระประธานขนาดหน้าตัก ๖๙ นิ้ว โดยผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นายประชา เตรัตน์ เป็นประธานในพิธี ซึ่งมีประชาชนร่วมงานเป็นจำนวนมาก และได้จัดพิธีอัญเชิญพระประธานขึ้นประดิษฐาน ณ ศาลาฯ ชั้น๒ โดย ฯพณฯท่านสนธยา คุณปลื้ม อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธี

ซึ่งศาลาหลังชื่อว่า “ศาลาลดาวัลย์” ซึ่งชื่อเป็นเกียรติให้กับ หม่อมราชวงศ์สดับ ลดาวัลย์ ผู้ริ่เริ่มสร้างเสนาสนะ ซึ่งศาลาลดาวัลย์นี้ได้ทำพิธีฉลองศาลา-พิธีเบิกเนตรพระประธาน ในวันอาทิตย์ที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ โดยได้จัดงานพร้อมกันกับงานทอดกฐินสามัคคีประจำปีพ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งเป็นพิธีที่ยิ่งใหญ่ และได้ทำให้บุคคลทั่วไปได้รู้จักสำนักสงฆ์เขาพระครูมากขึ้นหลังจากที่ถูกปิดบังมากว่า ๗๐ ปี ซึ่งต่อไปทางสำนักสงฆ์ก็จะเปิดให้บุคคลทั่วไปได้เข้ามาปฏิบัติธรรมได้อย่างสะดวก เพราะสถานที่ต่างๆ ได้เอื้ออำนวย

ดังนั้นโครงการต่างๆ ดังกล่าวนี้ ได้รับความอนุเคราะห์จากศรัทธาญาติโยมสาธุชาวศรีราชาและพื้นที่ใกล้เคียงทำให้สำนักสงฆ์เก่าแก่ของศรีราชา ได้กลับมาเป็นประโยชน์ให้กับคนรุ่นหลังต่อไป และเป็นการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้ถาวรสืบต่อไป

สำนักสงฆ์เขาพระครู ปัจจุบัน เป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยว เป็นจุดถ่ายรูป วิวสวยแห่งใหม่ในเมืองศรีราชา ด้วยเทคโนโนลยีปัจจุบันเช่น facebook หรือสื่อโซเชียลต่างๆ ช่วยกระจายข่าว ของวัดแห่งนี้ให้รู้จักกันทั่วไปได้อย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาได้มีหลายๆ องค์กรมาเข้ารับการอบรมปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา ทางสำนักสงฆ์เขาพระครู จึงขอแจ้งข่าวสารและระเบียบในการขอเข้ารับการอบรมปฏิบัติธรรม
   
                   ๑.องค์กรใด คณะใดที่จะขอเข้ารับการอบรมปฏิบัติธรรมที่สำนักสงฆ์เขาพระครู จะต้องไม่ตรงกับตารางปฏิบัติธรรม บวชเนกขัมมบารมีที่สำนักสงฆ์จัดขึ้น ๒.ต้องมีเอกสารแจ้งขอเข้ารับการอบรมปฏิบัติธรรม พร้อมด้วยหลักการและวัตถุประสงค์ ในการขอเข้ารับการอบรมปฏิบัติธรรม ๓.วันเวลาที่ต้องการเข้ารับการอบรมเป็นไปตามความประสงค์ขององค์กรหรือคณะนั้นๆ
 
                   ๔.การเข้ารับการอบรมปฏิบัติธรรมต้องแต่งกายชุดขาวเท่านั้น แต่การรักษาศีลนั้น จะได้ทั้งศีล ๘ และศีล ๕ โดยต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ๕.ค่าใช้จ่ายในการเข้ารับการอบรมปฏิบัติธรรมนั้น ค่าอาหารนั้นอยู่ที่องค์กรหรือคณะของท่านตกลงกับทางแม่ครัว ส่วนค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าบำรุงสำนักสงฆ์ ท่านบริจาคตามกำลังศรัทธา ๖.ก่อนเข้ารับการอบรมปฏิบัติธรรม ควรแจ้งให้บุคลากรของท่านนั้น ตั้งใจปฏิบัติธรรม สำรวมกาย วาจา ใจ อยู่ในโอวาทพระอาจารย์ ประพฤติปฏิบัติตนตามหลักธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และ ๗.หลักจากแจ้งความประสงค์ในการขอเข้ารับการอบรมปฏิบัติแล้วทางสำนักสงฆ์จะแจ้งกำหนดการ สิ่งของที่ต้องเตรียมให้ท่านทราบ

                   ทั้งนี้ พระอาจารย์อนนท์พูดถึงหลักการปฏิบัติธรรมไว้อย่างน่าคิดว่า “จะปฏิบัติธรรมในแนวไหน หรือรูปใดก็ตาม การเจริญสติถือว่าเป็นหัวใจของการปฏิบัติธรรม และสติถือว่าเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา เป็นองค์ธรรมของธรรมะทั้งหลายทั้งปวง เมื่อใดเราเจริญสติถือว่าเป็นผู้ใกล้ชิดพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง”











อ้างอิง http://www.watkhaophrakru.com/

ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://www.facebook.com/pg/WatkhaophrakruPage/
Share:

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Popular Posts

Blog Archive

Tags

Popular Posts

คลังบทความของบล็อก