วัดละหารไร่ หลวงปู่ทิม ระยอง

วัดละหารไร่นี้ก่อตั้งเมื่อประมาณปี พ.ศ.2354 โดยหลวงพ่อสังข์เฒ่า รองเจ้าอาวาสวัดละหารใหญ่สมัยนั้น เห็นว่าพื้นที่ทางฝั่งคลองด้านตรงข้ามทางทิศเหนือของวัดละหารใหญ่มีทำเลดีเหมาะแก่การปลูกพืชผัก จึงได้หักล้างถางพงใช้เป็นพื้นที่ปลูกพืชผัก ขึ้นแรกได้สร้างที่พักร่มเงาไว้เมื่อถึงเวลาเข้าพรรษา ก็จำพรรษาที่วัดละหารใหญ่ ต่อมามีผู้คนไปทำไร่ในแถบใกล้ๆ ที่นั้นมากขึ้น เห็นว่ามีพระสงฆ์อยู่ เมื่อถึงวันพระก็จัดภัตตาหารไปถวายเป็นประจำ ต่อมาได้มีพระภิกษุไปอยู่เพิ่มมากขึ้น จึงได้ก่อสร้างกุฏิวิหาร พระสงฆ์ก็มาจำพรรษาที่นั่น ตั้งชื่อว่า “วัดไร่วารี” ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “วัดละหารไร่” โดยมีหลวงพ่อสังข์เฒ่าเป็นเจ้าอาวาสองค์แรก
ในภายหลังทางวัดละหารไร่ได้มีพระภิกษุแก่อาวุโสขึ้นหลวงพ่อสังข์เฒ่าจึงมอบให้ปกครองกันเอง ส่วนตัวท่านได้กลับมาเป็นเจ้าอาวาสวัดละหารใหญ่ (ทราบว่าภายหลังได้รับการนิมนต์จากเจ้าเมืองระยองไปเป็นเจ้าอาวาสวัดเก๋ง จังหวัดระยอง) มอบหมายให้หลวงพ่อแดง เป็นเจ้าอาวาสแทน ต่อมาได้มีเจ้าอาวาสอีกหลายรูปปกครองวัดละหารไร่ คือ หลวงพ่อเกิด หลวงพ่อสิงห์ หลวงพ่อจ๋วม ต่อมาหลวงพ่อจ๋วมได้ลาสิกขาบท ทำให้วัดละหารไร่ขาดพระภิกษุจำพรรษาเป็นเวลา 3 เดือน ในขณะนั้นหลวงพ่อทิม อิสริโก (งามศรี) ได้เดินทางกลับจากจังหวัดชลบุรี พุทธศาสนิกชนบ้านละหารไร่จึงพร้อมใจกันนิมนต์เป็นเจ้าอาวาส เมื่อประมาณปีพ.ศ. 2450
หลวงปู่ทิม อิสริโก หรือ พระครูภาวนาภิรัต (16 มิถุนายน พ.ศ. 2422 — 16 ตุลาคม พ.ศ. 2518) ท่านเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดละหารไร่เป็นยอดพระคณาจารย์ที่มีพลังจิตแก่กล้ารูปหนึ่งของภาคตะวันออก ท่านเป็นคนถือสันโดษ ถือสมถะ ไม่ยึดติดทรัพย์สินใดๆ ท่านฉันอาหารเพียงมื้อเดียวและไม่ฉันเนื้อสัตว์ ท่านสามารถตัดกิเลสออกไปทั้งปวง
พระครูภาวนาภิรัต หรือที่รู้จักกันในนามว่า หลวงปู่ทิม อิสริโก ท่านเกิดเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2422 ตรงกับรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี) ที่บ้านหัวทุ่งตาบุตร ตำบลละหาร อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง ท่านเป็นหลานของหลวงปู่สังข์เฒ่า วัดเก๋งจีน ท่านได้อุปสมบทเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2449 มีพระครูขาว วัดทับมา เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์สิงห์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอาจารย์เกตุ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ณ พัทธสีมาวัดละหารไร่ ได้รับฉายาว่า อิสริโก เมื่อบวชแล้วก็ได้ศึกษาวิทยาคมจากตำราของ หลวงปู่สังข์เฒ่า ศึกษาเพิ่มเติมทั้งจากฆราวาสและบรรพชิต ท่านได้ออกธุดงค์ไปหลายจังหวัด ต่อมาท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส วัดละหารไร่ และได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูภาวนาภิรัตเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2507
หลวงปู่ทิม ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดระหารไร่ ท่านก็ได้ซ่อมแซมกุฏิและอื่นๆ อีกหลายอย่าง ด้วยความศรัทธาของชาวบ้านที่มีต่อท่าน เมื่อท่านดำริว่าจะก่อสร้างพระอุโบสถก็สามารถสร้างแล้วเสร็จเรียบร้อยในระยะ เวลาเพียงหนึ่งปีเศษ ต่อมาท่านก็ได้ก่อสร้างโรงเรียนประชาบาล โดยมีทางอำเภอและจังหวัดมาช่วย ใช้เวลาเพียง 8 เดือนก็แล้วเสร็จ สามารถเปิดให้นักเรียนได้เข้าเรียนได้ และท่านก็ยังชักชวนชาวบ้านให้ช่วยกันสร้างสะพานข้ามคลองอีกหลายแห่ง งานทุกอย่างก็สำเร็จเรียบร้อยทุกประการ เนื่องจากความเคารพเลื่อมใสของญาติโยมและชาวบ้านที่มีต่อหลวงปู่ทิม ประวัติพระกริ่งชินบัญชร หลวงปู่ทิมพิมพ์เศียรโต คาถาพระเครื่องหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ คาถาขุนแผนหลวงปู่ทิม
หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ท่านเป็นพระสมภะ ไม่ยินดียินร้ายกับลาภยศสรรเสริญ ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระครูชั้นประทวนเมื่อปี พ.ศ. 2478 ท่านก็ไม่ได้บอกใครและไม่ได้ไปรับจนทางจังหวัดได้มอบตราตั้งให้ทางอำเภอนำมา มอบให้ท่านที่วัด และเป็นพระครูทิม อิสริโก อยู่มาจนถึงปี พ.ศ. 2497 ทางคณะสงฆ์ได้แต่งตั้งให้ท่านเลื่อนเป็นพระครูสัญญาบัตร ท่านก็ไม่ยอมบอกใคร จนทางอำเภอได้ส่งหนังสือไปที่วัด ชาวบ้านจึงได้รู้กันและได้จัดขบวนแห่มารับท่านไปรับสัญญาบัตรพัดยศ ที่เจ้าคณะจังหวัด และได้เป็นพระครูภาวนาภิรัต เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2507 ประวัติหลวงปู่ทิม วัดช้างให้ ประวัติหลวงปู่ทิม วัดพระขาว
เมื่อหลวงปู่ทิม ท่านได้เลื่อนสมณศักดิ์ พระครูภาวนาภิรัต แล้วบรรดาศิษยานุศิษย์จึงได้ประชุมกัน ขออนุญาตหลวงปู่ทิม จัดงานฉลองสมณศักดิ์ให้กับท่าน เพื่อให้ญาติโยมได้มีโอกาสแสดงความยินดีและแสดงความกตัญญูกตเวทิตา ที่ หลวงปู่ทิมท่านได้มีเมตตาต่อเหล่าลูกศิษย์ หลวงปู่ทิมจึงขัดไม่ได้ นายสาย แก้วสว่าง ในฐานะไวยาวัจกรและศิษย์ใกล้ชิดจึงได้นัดประชุมกรรมการและชาวบ้าน ปรึกษากันว่าจะจัดฉลองสมณศักดิ์และเพื่อหารายได้สบทบทุนในการก่อสร้างกุฏิ และบูรณะซ่อมแซมสิ่งของที่ชำรุดในครั้งนี้ โดยจะขออนุญาต หลวงปู่ทิมเพื่อจัดทำเหรียญรูปเหมือนของท่าน เอาไว้แจกแก่พวกญาติโยมและศิษย์ทั้งหลาย เพื่อเป็นที่ระลึกในการร่วมกันทำบุญในงานวันฉลองสมณศักดิ์ของท่าน เพราะใครๆ ก็ย่อมทราบกันดีอยู่แล้วว่า หลวงปู่ทิมเป็นพระที่น่าเคารพบูชาอย่างยิ่ง ท่านเป็นพระที่ยึดมั่นในพระธรรมพระวินัยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นพระมักน้อยสมถะ ไม่ยินดียินร้ายในสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น
หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ท่านฉันอาหารเพียงมื้อเดียวเท่านั้น และเป็นอาหารมังสวิรัติ หลวงปู่ทิม ท่านไม่ฉันพวกเนื้อสัตว์ แม้ในยามปัจฉิมวัยที่ท่านอาพาธท่านก็ยังปฏิบัติเสมอต้นเสมอปลาย เคร่งครัดรักษาศีล ยึดมั่นพระธรรมวินัย เท่าที่สังเกตดูปรากฎว่า ท่านจะฉันเช้าประมาณ 7 โมงเช้า และฉันน้ำชาเวลา 4 โมงเย็น ถ้าเลยเวลาแล้วหลวงปู่จะไม่ยอมฉันเป็นเด็ดขาด แม้แต่น้ำชา ท่านฉันมื้อเดียวมาตลอด 50 ปีแล้ว โดยที่ไม่มีอาหารพวกเนื้อหมู เป็ด ไก่ หรืออาหารคาวทุกชนิดเลย แม้แต่น้ำปลาก็ไม่เคยฉัน อาหารที่หลวงปู่ทิม ท่านฉันก็เป็นพวกผัก ถั่ว หรือเส้นแกงร้อน น้ำพริกกับเกลือป่น เป็นประจำอยู่เป็นนิจตลอดมา เนื้อหนังมังสาและผิวพรรณของท่านก็คงเป็นปกติอยู่ตามเดิม พละกำลังของ หลวงปู่ทิมท่านก็แข็งแรงสมบูรณ์อยู่เสมอ
ทั้งนี้คงจะเป็นเพราะอำนาจบารมีของท่านที่เคยได้สร้างสมมาในชาติปางก่อน จึงทำให้ท่านเป็นพระที่เคร่งครัดและบริสุทธิ์ในธรรมวินัย ดำรงชีวิตมาได้อย่างแข็งแรงและสมบูรณ์ หลวงปู่ทิม ท่านยังแข็งแรงสมบูรณ์ เดินไปไหนมาไหนได้สะดวก ท่านสายตาดีมากยังมองอะไรได้ชัดเจนดี ฟันก็ไม่เคยหักแม้แต่ซี่เดียว ถึงแม้ว่าอายุของท่านเกือบจะ 100 ปีแล้วก็ตาม จนท่านมรณภาพลงด้วยอาการสงบ ในวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2518 หน้าหอสวดมนต์ วัดระหารไร่ สิริอายุได้ 96 ปี พรรษาที่ 69
ข้อมูลเพิ่มเติม
วัดละหารไร่ของหลวงปู่ทิม จะมีประชาชนเข้ามากราบไหว้สักการะรุปปั้นขนาดใหญ๋ของหลวงปู่ทิม พระเกจิเลื่องชื่อแห่งภาคตะวันออก มากมายทุกวัน มีเสนาสนะเพียบพร้อม ลานจอดรถกว้างขวาง มีวัตถุมงคลให้เช่าบูชามากมาย
ยิ่งเป็นช่วงวันที่ 1 หรือวันที่ 16 จะมีแผงหวยขายลอตเตอรี่่ เข้ามาประจำอยู่ตรงจุดขายมากมาย ให้เลือกซ์ื้อ แต่ราคาขาย ก็ตามปกติ ไม่มีถูกกว่า 80 บาทแน่นอน ส่วนใครจะมีโชคจากการมากราบไหว้ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัดแห่งนี้ ยังไม่มีใคามาลงบันทึกไว้ให้เห็น แต่เชื่อว่า คงจะมีบ้าง เพราะไม่เช่นนั้น คงไม่ค่อยมีคนเข้าวัดมากมายเช่นนี้
รูปปั้นท้าวเวสสุวรรณ เขียว และแดง ตั้งอยู่ด้านหน้าศาลา สวดปฏิบัติธรรม มึคนกราบไหว้บูชา ด้วยน้ำแดงและดอกไม้ อยู่ประจำ บางทีก็ให้นึกฉงนว่า ใครเป็นคนมาบอกว่า ท่านท้าวเวสสุวรรณ ชอบน้ำแดง หรือน้ำอัดลม ทำไมต้องไหว้ท่านด้วยน้ำหวานแบบนี้ การไหว้ด้วยดอกไม้ พวงมาลัย ไม่เพียงพอหรือ
เพราะการไหว้ด้วย น้ำแดงหรือน้ำหวาน น้ำอัดลม ทำให้สถานที่ พี้นที่ดูสกปรกมากกว่า ดูไม่สวยงามเลย บางแห่งมีมดมาไต่เดินเป็นทิวแถว ไม่สวยงามเลย
นอกจากนั้นยังมีศาลเจ้าภายในวัด ที่มีคนเอารูปปั้นไก่โต้งมาแก้บน เรียงรายมากมาย ผู้ที่หวังโชคลาภ ก็เชิญได้






Share:

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Popular Posts

Blog Archive

Tags

Popular Posts

คลังบทความของบล็อก